dhrddede@gmail.com

ไฮโดรเจน พลังงานทางเลือกในอนาคต ตอบโจทย์ลดโลกร้อน

ในการเดินหน้าประเทศไทยไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 ตามที่ประกาศเอาไว้ในเวทีโลก พลังงานไฮโดรเจน ถูกจัดวางให้เป็นอีกหนึ่งพลังงานทางเลือกสำคัญที่จะช่วยตอบโจทย์เป้าหมายดังกล่าว โดยในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ หรือ แผนพีดีพี ที่กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการจัดทำนั้น มีการระบุไว้ให้โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงต้องผสมไฮโดรเจนในสัดส่วน 5 % ของปริมาณที่ใช้ด้วย โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความต้องการ (Demand) การใช้ไฮโดรเจนเชิงพาณิชย์ขึ้นภายในประเทศ มาทำความรู้จักกับ “ไฮโดรเจน” กันก่อนว่าไฮโดรเจนมีดีอย่างไร ภาครัฐจึงเตรียมความพร้อมที่จะมีนโยบายการส่งเสริมให้ใช้เชิงพาณิชย์ในอนาคต ไฮโดรเจน ถือเป็นธาตุที่เบาที่สุดซึ่งมักรวมอยู่ในโมเลกุลของสารประกอบอื่นๆ เช่น สารประกอบจําพวกไฮโดรคาร์บอน (HC) มีคุณสมบัติทั่วไป คือ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ติดไฟง่าย ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเป็นพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การนำไฮโดรเจนมาใช้ประโยชน์ โดยเป็นเชื้อเพลิงที่เผาไหม้และให้ความร้อนในโรงไฟฟ้าหรือนำไปใช้ในรูปแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้านั้น หลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อังกฤษ […]

Quick Big Win โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ผลิตไฟฟ้าสะอาดที่ไม่ปล่อยคาร์บอน

หากเปรียบประเทศไทยเป็นเหมือนรถยนต์ที่วิ่งอยู่ร่วมกับประเทศอื่น ๆ บนถนนสายหลัก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งหมายถึงภาวะสมดุลระหว่างปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมากับปริมาณที่ถูกกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศ จะเห็นว่าไทยเรากำลังเหยียบคันเร่งเพื่อวิ่งให้เร็วเท่ากับประเทศพัฒนาหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งตั้งเป้าว่าจะไปให้ถึงจุดหมายได้ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยหลายโครงการที่จะมีส่วนช่วยให้ไทยไปได้เร็วขึ้นนั้น อยู่ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ด้านพลังงานของรัฐบาล ที่มีนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหลักในการขับเคลื่อนให้มีความชัดเจนภายในระยะเวลา 4 เดือน นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ช่วงปลายเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยภายใต้นโยบาย Quick Big Win ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ โครงการโซลาร์ภาคประชาชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบพลังงานรองรับภาคอุตสาหกรรม และการสร้างความยั่งยืนระยะยาวรองรับ Net Zero 2050 โดยเห็นภาพชัดว่าล้วนเป็นโครงการที่มุ่งเป้าปรับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Decarbonization เพราะประเมินกันว่าหากโครงการทั้งหมดสำเร็จตามแผนจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 10 ล้านตันคาร์บอนฯ ต่อปี ซึ่งโครงการที่สำคัญได้แก่ 1) โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ ประเมินว่าช่วยลดการปล่อยคาร์บอนฯ ได้กว่า 0.80 ล้านตันคาร์บอนฯ […]

กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กลไกสำคัญในการตรึงราคาดีเซลในช่วงที่ตลาดโลกผันผวน

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ เพราะความต้องการใช้ในประเทศมีมากกว่าน้ำมันดิบที่ผลิตได้ในประเทศ เราจึงต้องนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อจำหน่าย ให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศเสียก่อน และหากมีน้ำมันส่วนเกินเหลือ จึงจะส่งส่วนที่เกินจากการใช้ในประเทศออกไปยังประเทศอื่น ๆ ที่มีความต้องการ ดังนั้น ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง จึงส่งผลกระทบต่อต้นทุนของโรงกลั่นน้ำมันและบริษัทผู้ค้าน้ำมันในประเทศและสะท้อนผ่านมาถึงราคาขายปลีกในประเทศด้วย ภาครัฐได้มีนโยบายกำหนดเพดานราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะในภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าและค่าเดินทาง ส่วนกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์นั้น รัฐปล่อยให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันปรับราคาขึ้น-ลงได้ เพื่อให้สะท้อนตามต้นทุนของราคาตลาดโลก อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากกรณีสหรัฐ ฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อกดดันให้ยุติสงครามยูเครน ส่งผลให้บริษัทพลังงานในจีนและอินเดียต่างลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว หากรัฐไม่มีกลไกเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ บริษัทผู้ค้าน้ำมันก็จะต้องมีการทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกที่สถานีบริการน้ำมันเพื่อให้สะท้อนตามต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นด้วย  แต่เนื่องจากภาครัฐมีกลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ภายใต้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ได้มีมติให้นำเงินจากกองทุนน้ำมัน ฯ เข้ามาช่วยพยุงราคาเอาไว้ก่อน  โดยในส่วนของน้ำมันดีเซลนั้น ให้ลดการนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันลง 70 สตางค์ต่อลิตร และกลุ่มเบนซิน ลดเงินนำส่ง 50 สตางค์ต่อลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกทั้งกลุ่มน้ำมันดีเซลและกลุ่มเบนซิน ไม่ต้องปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของตลาดโลก ทั้งนี้ ตลอดเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา […]

พพ. – สอวช. ลงนาม MOU ขยายเครือข่าย STEM One-Stop Service พัฒนากำลังคนด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกับ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ “โครงการขยายเครือข่ายศูนย์ประสานงานและบริการเบ็ดเสร็จ (STEM One-Stop Service)” ด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนและส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ ห้องประชุมหว้ากอ 1 อาคารจัตุรัสจามจุรี กรุงเทพฯ นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานของประเทศ โดย พพ. มีบทบาทหลักในการเสริมสร้างบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการ เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานในระดับประเทศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ด้าน ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ สอวช. ได้กล่าวถึงบทบาทของ สอวช. ว่าเป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะแห่งอนาคต และการเชื่อมโยงองค์ความรู้จากภาคการศึกษาไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการ โดยเฉพาะในด้านพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือกับ พพ. ครั้งนี้จะเป็นการสร้างกลไกการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง เสริมศักยภาพบุคลากรด้านพลังงาน และตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บันทึกความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ […]

พพ. – สคช. มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพด้านพลังงาน สร้างมาตรฐานบุคลากรพลังงานของประเทศ

วันที่ 11 กันยายน 2568 นายอาวุธ เครือเขื่อนเพชร ผู้อำนวยการกองพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และนางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมกันมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพสำหรับผู้รับผิดชอบด้านพลังงานและผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน” ณ ห้องประชุม ออดิโทเรียม (ชั้น 3) อาคารวายุภักษ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (สคช.) ได้มีเจตนารมณ์ร่วมกันในการให้การรับรองบุคลากรด้านพลังงานของประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านการเชื่อมโยงการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรตามกฎหมายผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน สำหรับอาคารและโรงงานควบคุม และผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงานและมาตรฐานอาชีพ จึงได้จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพสำหรับผู้รับผิดชอบด้านพลังงานและผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน” ให้แก่ผู้ที่ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรตามกฎหมาย และหลักสูตรผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน รวมถึงผู้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน กลุ่มแรก จำนวน 255 คน เพื่อเป็นการนำร่องและสร้างแรงจูงใจให้กับกลุ่มคนในอาชีพอีกจำนวนกว่า 16,000 คน ได้รับทราบถึงโอกาสในการสร้างความมั่นใจในอาชีพจากการฝึกอบรมแล้วยังได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการแห่งเดียวในประเทศไทยที่สามารถการันตีความเป็นมืออาชีพผ่านการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นภาพใหญ่ที่จะผลักดันให้คุณวุฒิวิชาชีพและการรับรองบุคลากรด้านพลังงานเป็นที่ยอมรับทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อตอบนโยบายการอนุรักษ์พลังงานของประเทศ ซึ่งมีเป้าหมายลดการใช้พลังงานในภาคส่วนต่างๆ ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีมาตรการและแผนงานการส่งเสริมพลังงานทดแทน การปรับปรุงประสิทธิภาพของอาคารและอุปกรณ์ การรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดพลังงาน และการกำหนดมาตรฐานด้านพลังงาน ตามแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2561–2580 (Energy Efficiency […]

1 2 3 16