ประเด็นเรื่อง ‘พลังงาน’ เป็นหัวข้อที่มีการถกและพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในเวทีโลก ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ภาคพลังงานถือเป็นภาคส่วนที่สำคัญที่สุดในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะมักจะเป็นภาคส่วนที่ปล่อยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ
ในขณะที่โลกกำลังวุ่นวายกับ Climate Change การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงเป็นวาระสำคัญ และมีการกำหนดเป้าหมายกันอย่างเป็นนัยสำคัญในแต่ละประเทศ สิ่งที่เราต้องการเห็นคือการเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานแบบเดิม ไปสู่พลังงานทดแทนที่สะอาดและปลอดภัย
ในโพสต์นี้ เราขอหยิบเอา ‘พลังงานนิวเคลียร์’ หนึ่งในทางเลือกที่มีศักยภาพในปัจจุบัน และประเทศไทยเองก็มีแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงาน (PDP) หรือ แผนที่ว่าด้วยการจัดการหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ในระยะยาว 15-20 ปี
‘ความปลอดภัย’ น่าจะเป็นท็อปคำศัพท์ที่เด้งมาในหัวของทุกคนที่กำลังอ่าน ว่าประเทศไทยจะไหวเหรอ ? ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นข้อกังวลที่สมเหตุสมผล เพราะเหตุการณ์ที่สำคัญอย่างเชอร์โนบิลและฟุกุชิมะได้ทิ้งรอยประทับไว้ในสายตาของสาธารณชนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหมือน Outlier ในอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าอย่างมากในด้านความปลอดภัยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์สมัยใหม่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ควบคู่มากับมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มข้นเข้มงวด มีการป้องกันหลายชั้น เช่น มีโดมกักเก็บที่ทำด้วยเหล็กและคอนกรีต เพื่อให้มั่นใจว่าแม้ในสภาวะที่รุนแรง รังสีก็ยังคงไม่รั่วไหลออกมา เครื่องปฏิกรณ์ในปัจจุบันมีระบบปิดโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องมีคนเข้าไปแทรกแซงหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
ในด้านสิ่งแวดล้อม ต้องบอกว่าพลังงานนิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่สะอาด ไม่เหมือนถ่านหินหรือก๊าซธรรมชาติ เพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่มีการเผาอะไรเลย ดังนั้นจึงไม่มีการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศ พลังงานนิวเคลียร์ไม่เพียงแต่ช่วยต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นพลังงานที่เสถียรภาพ สามารถให้ไฟฟ้าที่คงที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เล่าในเชิงวิทยาศาสตร์เล็ก ๆ โดยพื้นฐานแล้ว พลังงานนิวเคลียร์คือการควบคุมพลังงานมหาศาลที่เก็บไว้ในอะตอม ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า ‘ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน’ อะตอมของยูเรเนียมจะถูกแยกออกจากกันในปฏิกิริยาที่ควบคุมได้ ซึ่งจะปลดปล่อยความร้อนออกมา ความร้อนนี้ใช้ในการผลิตไอน้ำที่ขับเคลื่อนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า เป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ
แต่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์มีหลายประเภท ไม่ได้ถูกสร้างมาเหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปฏิกรณ์แบบน้ำอัดแรงดัน (PWR) แบบน้ำเดือด (BWR) แบบนิวตรอนเร็ว (FNR) และอีกมากมาย โดยแต่ละประเภทมีการออกแบบเฉพาะของตัวเอง ซึ่งหากจะให้พูดถึงแต่ละประเภทก็คงจะต้องเล่ายาวไปอีกมาก เลยจะหยิบเอาแบบที่เรียกว่า ‘เครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก (SMR)’ ที่ กฟผ. กำลังวางแผนและศึกษาโครงการจัดตั้งในประเทศไทย มาพูดถึงสักหน่อย
SMR หรือ Small Modular Reactor คือเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่มีกำลังการผลิตน้อยกว่า 300 เมกะวัตต์ ที่ได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กลง ปลอดภัยขึ้น และยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเครื่องปฏิกรณ์ขนาดใหญ่แบบเดิม โดยจะสร้างขึ้นและประกอบเบ็ดเสร็จจากโรงงาน สามารถขนส่งไปยังไซต์งานเพื่อติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นการช่วยลดเวลาและต้นทุนการก่อสร้าง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น การผลิตน้ำจืด การผลิตก๊าซไฮโดรเจน
เครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้มีระบบความปลอดภัยขั้นสูง โดยมักจะอาศัยกลไกแบบพาสซีฟ (Passive Safety) ที่ทำงานโดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาแทรกแซง ทำให้เครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้มีความทนทานสูง เหมาะสำหรับโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็ก สถานที่ห่างไกล หรือความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น และสามารถทดแทนโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้
พลังงานนิวเคลียร์อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในสถานการณ์ด้านพลังงานของไทย ด้วยการเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่มีเสถียรภาพและเชื่อถือได้เพื่อตอบสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของประเทศ ขณะเดียวกันก็ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลนำเข้าด้วย เป็นทางเลือกที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน เราจึงต้องสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า SMR เพื่อเตรียมพร้อมกัน