ปัจจุบันกระแสของโลกจับจ้องอย่างแข็งขันในเรื่องสิ่งแวดล้อม เริ่มจากการลงนามสนธิสัญญา COP21 (21th Conference of Parties) ในปี ค.ศ. 2015 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งสมาชิกจะร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจกลงจากเดิม 20% ในปี ค.ศ. 2030 จนถึงการประกาศของสหประชาชาติ ที่ตั้งเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่า Sustainable Development Goals หรือ SDGs ซึ่งเชื่อมโยงมิติทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เข้าด้วยกัน จำนวน 17 ด้าน โดยมีกำหนดระยะเวลา 15 ปี จนถึงปี ค.ศ. 2030 เช่นกัน
![ผังเมือง Fujisawa SST](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Fujisawa-SST.jpg?x83720)
จากทิศทางดังกล่าว เมื่อประกอบร่วมกับการเติบโตอย่างมากของประชากรเมือง (Urbanization) ทำให้หลายๆ ประเทศริเริ่มโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) หรือเมืองยั่งยืน (Sustainable City) ขึ้น ในบทความนี้จะยกตัวอย่างการสร้างเมืองของประเทศญี่ปุ่น ภายหลังจากเกิดพิบัติภัยครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 2011 จากเหตุแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์สึนามิ พัดเข้าถล่มหลายเมืองใหญ่ทางภาคตะวันออกของประเทศ จากเหตุการณ์ครั้งนั้นประเทศญี่ปุ่นต้องพบกับปัญหาการขาดแคลนพลังงานครั้งใหญ่ แนวคิดการสร้างเมืองในรูปแบบที่เรียกว่า “Sustainable Smart Town” ได้ถูกริเริ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาด้านพลังงานที่ประเทศญี่ปุ่นประสบ
![ภายในโครงการ Fujisawa SST](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Fujisawa-SST-01.jpg?x83720)
![ภายในโครงการ Fujisawa SST](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Fujisawa-SST-02.jpg?x83720)
ที่อำเภอคานากาว่า มีการรวมตัวกันของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่จะพัฒนาเมืองฟูจิซาว่า ให้กลายเป็น Fujisawa Sustainable Smart Town (Fujisawa SST) โดยเมืองประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัยกว่า 1,000 หลังคาเรือน ออกแบบจัดวางโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อรองรับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนใน 5 มุมมอง คือ ด้านความปลอดภัย ด้านสุขภาพ ด้านสังคม ด้านการคมนาคม และด้านพลังงาน ซึ่งมีบริษัทพานาโซนิค เป็นผู้สานพลังและนำเสนอนวัตกรรมต่างๆ เพื่อให้เมืองบรรลุเป้าหมายครบทั้ง 3 ด้าน คือเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม เป้าหมายด้านพลังงาน และเป้าหมายด้านความมั่นคงและความปลอดภัย
![เป้าหมายของการพัฒนาเมือง Fujisawa SST](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/overall-targets.jpg?x83720)
นวัตกรรมด้านพลังงาน ถูกหยิบยกเป็นพระเอกในการพัฒนาเมืองนี้ โดยบ้านทุกหลังจะมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง มีระบบกักเก็บพลังงานชนิดแบตเตอรี่ หรือเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ที่ทำงานร่วมกับระบบบริหารจัดการพลังงานภายในบ้าน (Home Energy Management System : SMART HEMS) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Self-Creation and Self-Consumption of Energy” ซึ่งไฟที่เหลือใช้จริงๆ จะถูกรับซื้อโดยรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านระบบ Net Metering และในกรณีที่เกิดเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมืองฟูจิซาว่าจะต้องสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยมีพลังงานใช้ในส่วนที่จำเป็นถึง 3 วัน นอกจากนี้ ภายในบ้านจะมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าผ่านระบบ Internet of Things (IoT) โดยเจ้าของบ้านสามารถที่จะมอนิเตอร์และสั่งการอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
![แนวคิดเรื่องนวัตกรรมพลังงานของเมือง Fujisawa SST](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Tsunashima-SST-04.jpg?x83720)
ภายหลังจากโมเดล SST ได้ถูกนำมาปฏิบัติ ก็มีการขยายผลต่อไปเมืองที่ 2 คือ Tsunashima SST ที่เมืองท่า โยโกฮาม่า ซึ่งมีเป้าหมายเช่นเดียวกับเมืองแรก คือการสร้างเมืองที่ตอบรับกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในเมืองนี้มีการบริหารจัดการพลังงานทั้งหมด เช่น ไฟฟ้า ก๊าซ พลังงานความร้อนและความเย็น ฯลฯ ในภาพรวมผ่าน Town Energy Center และเชื่อมโยงพลังงานไปยังสถานี Yokohama Tsunashima Hydrogen Refueling Station
![จอมอนิเตอริ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านผ่านระบบ IoT](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Tsunashima-SST-05.jpg?x83720)
![แผนภาพการ Scale Up โมเดล SST](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Scale-Up-SST.jpg?x83720)
จะเห็นได้ว่าประเทศญี่ปุ่น มีการนำโมเดล SST มาใช้เพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องความมั่นคง และราคาของพลังงาน จนสามารถตอบภาพใหญ่ในการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ผ่านกฎเกณฑ์ SGDs ได้ถึง 8 ข้อ (ข้อ 3, 4, 7, 8, 9, 11, 13, 17)
![แนวคิดเรื่องนวัตกรรมพลังงานของเมือง Tsunashima SST](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Fujisawa-SST-03.jpg?x83720)
มาในบ้านเรา ปัจจุบันนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ถือกลไกสำคัญของรัฐบาล ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายความเจริญอย่างเท่าเทียมกันในทุกภูมิภาคของประเทศ สอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจ Thailand 4.0 และแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประเทศไทย
นวัตกรรมพลังงาน หรือ Smart Energy ได้ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดหลักเกณฑ์เมืองอัจฉริยะในประเทศไทย โดยเป็น 1 ใน 7 หัวข้อของตัวชี้วัด ซึ่งมีการกำหนดหัวข้อต่างๆ ที่จะต้องสร้างให้เกิดขึ้นภายในเมือง เช่น การสร้างแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ การจัดหาและติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน การบริหารจัดการพลังงาน และการนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
หนึ่งในองค์กรด้านพลังงาน ที่จะเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาดังกล่าว คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ด้วยวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ว่า “Innovate Power Solution for a Better Life” จึงทำให้ กฟผ. มีแผนยุทธศาสตร์หลักที่จะนำองค์ความรู้ ศักยภาพ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านพลังงานไฟฟ้า มาประยุกต์ สานต่อ สร้างสรรค์ และให้บริการนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย
ซึ่ง นวัตกรรมพลังงาน ถือเป็นพื้นฐานปัจจัยที่สำคัญในการต่อยอดและดำรงอยู่ของนวัตกรรมด้านอื่นๆ ที่จะมาประกอบร่างให้เมืองธรรมดากลายเป็นเมืองอัจฉริยะและกลายเป็นเมืองยั่งยืนต่อไปในอนาคต และจะส่งผลกระทบทางบวกโดยตรงต่อผู้คน สิ่งแวดล้อม และโลกใบนี้ อย่างที่ไม่มีการทิ้งใครคนใดคนหนึ่งไว้ข้างหลัง (No One Should be Left Behind) ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญของ Sustainable Development Goals (SDGs) ที่ทุกชาติตั้งเป้าหมายร่วมกันไว้
Source: นิตยสาร Green Network ฉบับที่ 96 พฤศจิกายน-ธันวาคม 2562 คอลัมน์ GREEN Article
โดย ศ. ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล อาจารย์คณะวิศวฯ จุฬาฯ, พิชิต พงษ์ประเสริฐ กฟผ.